น้ำปั่น...กัญชาสด เทรนด์ฮิตมาแรง

น้ำปั่น...กัญชาสด เทรนด์ฮิตมาแรง

ปีที่แล้วช่วงต้นปี ธิติ มีแต้ม กับฐิติพล ปัญญาลิมปนันท์ ผู้สื่อข่าวพิเศษของสำนักข่าวบีบีซี ภาคภาษาไทย ดั้นด้นออกไปตามหารายงานเด็ดมาได้ชิ้นหนึ่ง ทั้งคู่ได้โพสต์ลงยูทูบในหัวข้อ “กัญชา : พืชร้าย หรือสมุนไพรทางเลือก” (กันแน่?)

นั่นสิ...จนป่านนี้หลายคนยังคาใจ ตกลงเอาไงดี สรุปแล้ว ณ เวลานี้ “กัญชา” ในสายตาของสังคมไทย มีสถานะเป็นผู้ร้ายหรือพระเอก ยิ่งช่วงนี้กระแส “น้ำปั่นกัญชาสด” (Juicing Raw Cannabis) กำลังมาแรงในหลายประเทศซะด้วย จึงมีคำถามตามมาว่า...แล้วเมืองไทยจะเอาไงดี?

ธิติกับฐิติพลรายงานว่า เวลานี้หลายประเทศทั่วโลกผ่อนปรนกฎหมายอนุญาตให้ประชาชนสามารถเข้าถึงหรือใช้กัญชาทางการแพทย์ได้ รวมทั้งบางประเทศ ยังอนุญาตให้ใช้เพื่อสันทนาการได้อีกด้วย

แต่สำหรับเมืองไทย ณ วันนี้สถานภาพของ “กัญชา” ยังถือเป็นสิ่งเสพติดให้โทษ ซึ่งผู้เสพต้องระวางโทษปรับ และ/หรือ จำคุก อย่างไรก็ดีรัฐบาลได้หาทางแก้กฎหมายเปิดช่องให้มีการศึกษาวิจัยกัญชาได้อย่างถูกกฎหมาย แม้ว่าผู้ป่วยไทยบางคน จะแอบใช้กัญชาเพื่อรักษาโรคร้ายกันมานานหลายปีแล้วก็ตาม

สองเหยี่ยวข่าวของบีบีซีไทยได้ออกไปคุยถึงผลดีผลเสียของกัญชา กับ บัณฑูร นิยมาภา หรือที่ “เครือข่ายผู้ใช้กัญชาแห่งประเทศไทย” เรียกกันว่า “ลุงตู้” ผู้ทดลองใช้สารสกัดจากกัญชาเพื่อรักษาโรคร้าย

“ลุงตู้” เล่าว่า ช่วงปี 2556 น้องสาวของเขาป่วยเป็นมะเร็งโพรงมดลูก แม้ผ่านการฉายแสงและผ่าตัดมาแล้ว ก็ยังไม่หายดี เขาจึงหันมาสนใจสารสกัดจากกัญชา โดยใช้ทักษะการต้มเหล้า มาสกัดกัญชาเพื่อรักษาน้องตัวเอง

“พอสถาบันมะเร็งนานาชาติออกมายืนยันว่า การรักษามะเร็งใช้กัญชาได้ผลชัดเจนที่สุด ผมก็ไม่รอสถาบันมะเร็งไทยแล้ว” ลุงตู้ว่า

“ผมเริ่มศึกษาหาข้อมูลจากกูเกิล จนไปเจอคำอธิบายของริค ซิมป์สัน (Rick Simpson) ชาวอเม

ริกันที่สกัดกัญชาใช้รักษาตัวเอง และสอนวิธีสกัดลงในยูทูบ ผมจึงเริ่มฝึกทำมาตั้งแต่ตอนนั้น”

ลุงตู้บอกว่า ซิมป์สันทำให้เขาตาสว่าง เพราะเคยเชื่อว่ามะเร็งต้องพึ่งพาเคมีบำบัดหรือฉายแสงเท่านั้น แต่ซิมป์สันอธิบายว่า ที่เชื่อแบบนั้นเพราะบริษัทยาและวงการสาธารณสุข ปิดบังข้อมูลเพื่อผลกำไรทางการค้า ทำให้คนทั่วไปไม่เห็นทางเลือกอื่น ทั้งที่กัญชาถูกใช้เพื่อรักษาโรคภัยไข้เจ็บมานานแล้ว

“ถ้ามัวแต่กลัวกฎหมายที่ล้าหลัง ถ่วงความเจริญ ป่านนี้คนที่ผมรัก และคนที่หวังพึ่งให้ผมช่วยคงตายไปหมดแล้ว” ลุงตู้กล่าว ขณะพาชมอุปกรณ์และวิธีการผลิตสารสกัดจากกัญชาในบ้านของเขา

เขาบอกว่า ครั้งหนึ่งแม้แต่ พล.ต.ท.สมหมาย กองวิสัยสุข อดีตผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ยังเคยออกมาให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนเมื่อวันที่ 6 มี.ค.2560 ว่า ที่สหรัฐอเมริกาทำวิจัยว่า กัญชาเป็นยา เพราะ พล.ต.ท.สมหมายก็ใช้รักษาพี่สาวของเขาจนมีอาการดีขึ้น

ขั้นตอนสกัดเอาน้ำมันจากกัญชา มารักษาโรคของลุงตู้ เริ่มจากเขานำกัญชาไปแช่กับเอทิลแอลกอฮอล์ (แอลกอฮอล์ชนิดกินได้) ราว 2 วัน เพื่อให้น้ำมันกัญชาคลายตัว จากนั้นจึงนำไปต้ม เพื่อให้แอลกอฮอล์ระเหย จนเหลือแต่น้ำมันจากกัญชาล้วนๆก่อนนำไปกรองแล้วนำไปใช้

ลุงตู้บอกว่า การใช้สารสกัดกัญชา และการทำเคมีบำบัด เป็นยุทธวิธีต่อสู้กับมะเร็งที่ต่างกัน

“เวลาคุณเป็นมะเร็ง ร่างกายคุณเหมือนกำลังทำสงคราม ที่ผ่านมาคุณใช้แต่คีโม เหมือนกับโยนระเบิดเข้าไปเพื่อฆ่าเซลล์มะเร็ง แต่ก็ทำให้ผู้บริสุทธิ์ (เซลล์ที่ดี) ต้องตายเรียบไปด้วย แต่กัญชาเปรียบเหมือนกับปืนสไนเปอร์ ที่เล็งตรงเป้า แม่นยำ พอร่างกายคุณฟื้นจะไม่บอบช้ำ”

ลุงตู้บอกว่า ถ้าองค์การเภสัชกรรมรับเรื่องนี้ไปทำ โรงพยาบาลก็มารับคนไปรักษา เขาก็คงเบาใจ เพราะผู้ที่จะเป็นหัวหอกในเรื่องนี้ได้ดีที่สุด ต้องเป็นเรื่องของรัฐบาลไม่ใช่คนเล็กๆอย่างเขา

นพ.สมนึก ศิริพานทอง กรรมการสมาคมเซลล์บำบัดไทย หนึ่งในแพทย์เครือข่ายที่ช่วยรักษาผู้ป่วยด้วยสารสกัดจากกัญชา บอกว่า งานวิจัยหลายชิ้นของต่างประเทศ ระบุชัดเจนว่ากัญชาทำหน้าที่เหมือน TP53 ซึ่งเป็นยีนที่คอยปกป้องมะเร็งซึ่งมีอยู่ในตัวทุกคน และกัญชาก็ไม่ได้มีผลเสียต่อสุขภาพ ไม่เคยมีข้อมูลว่าคนที่ใช้กัญชาเกินขนาดแล้วเสียชีวิต นอกจากมีอาการเมาและความดันต่ำเท่านั้น

“ผู้ป่วยมะเร็งหลายคนที่ใช้กัญชามาให้ผมตรวจเลือด ปรากฏว่า ค่าเซลล์มะเร็งลดลงจริง แต่คนเหล่านี้คือคนที่ปฏิเสธการใช้คีโมกับการฉายแสง หลายคนตั้งคำถามกับผมว่า ในไทยยังไม่มีงานวิจัยรองรับทำไมถึงออกมาพูดแบบนี้ ผมก็บอกว่าคุณมาดูสิคนป่วยตัวเป็นๆที่ใช้กัญชายังมีชีวิตอยู่ ทั้งมะเร็งลำไส้ มะเร็งตับ ปลอกประสาทเสื่อม ก้านสมองอักเสบ แล้วใช้ชีวิตได้ปกติไม่ทุกข์ทรมาน”

“นี่คือ ผลที่เกิดขึ้น ส่วนเหตุก็ต้องให้นักวิทยาศาสตร์ช่วยกันหาสิว่าเป็นเพราะอะไรแล้วช่วยกันออกมาพูดหน่อย”

แม้ทิศทางกระแสกัญชาในไทย เวลานี้เปรียบเหมือนคนหลงทาง อยู่ระหว่างชั่งใจว่า จะเดินไปทางซ้ายหรือขวาดี แต่กระแสการดื่ม “น้ำปั่นกัญชาสด” ภายใต้ความเชื่อว่า ดีต่อสุขภาพร่างกายและจิตใจ ในต่างประเทศเวลานี้ไปไกลแล้ว...อย่างน้อยมีแพทย์ชาวต่างชาติ 2 คน คือ นพ.William L. Courtney กับ นพ.Donald L.Abrams ออกมาโพสต์สนับสนุนไว้ในยูทูบ

ขณะที่มุมมองของแพทย์แผนไทยชื่อดังอย่าง หมอชิตชัย ตันเจริญ เจ้าของชิตชัยแพทย์แผนไทยคลินิก บอกว่า การดื่มน้ำปั่นจาก ใบ และ ดอกกัญชาสด ผสมกับผักหรือผลไม้สด ในต่างประเทศมีการนำไปให้ผู้ป่วยหลายโรค เช่น มะเร็ง เส้นเลือดตีบ พาร์กินสัน อัลไซเมอร์ หลอดเลือดอักเสบ เบาหวาน โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง โรคอ้วนหรือผอมเกินไป รับประทาน และเชื่อว่าวันนี้คงจะมีคนไทยบางส่วน กำลังแอบทำตามอยู่

หมอชิตชัยบอกว่า เขาไม่กล้าฟันธงว่า วิธีดังกล่าวจะได้ผลในการรักษาโรคเหล่านั้นหรือไม่ แต่สิ่งที่ทราบแน่ก็คือ ในตำรับยาของการแพทย์แผนไทย มีบอกไว้ชัดว่า สรรพคุณของกัญชาช่วยลดความเครียด ช่วยให้อารมณ์ดี ลดความดันโลหิต ช่วยเจริญอาหาร และรักษาไข้ เป็นต้น

“สรรพคุณของกัญชาที่เป็นส่วนผสมในตำรับยาของการแพทย์แผนไทยเรา มีเขียนไว้ถึง 16 ตำรับ ยกตัวอย่าง ยาศุขไสยาศน์ ช่วยให้นอนหลับ เจริญอาหาร ฟื้นฟูกำลังของผู้ป่วยโรคเรื้อรัง ยาน้ำมันสนั่นไตรภพ ช่วยลดอาการแทรกซ้อนในผู้ป่วยมะเร็งรังไข่ มะเร็งมดลูก และมะเร็งตับระยะเริ่มต้น”

“ยาทำลายพระสุเมรุ ช่วยบรรเทาอาการเกร็งกล้ามเนื้อ และแขนขา อ่อนแรง หรือชา ในผู้ป่วยอัมพฤกษ์ อัมพาต ยาทัพยาธิคุณ ช่วยลดอาการมือและเท้าชาในผู้ป่วยโรคเบาหวาน และใช้รักษาอาการมือเท้าบวมในผู้ป่วยมะเร็งตับ ยาแก้โรคจิต และยาอัคคินีวคณะ แก้คลื่นเหียนอาเจียน เป็นต้น”

หมอชิตชัยทิ้งข้อสังเกตไว้เป็นประโยคปิดท้ายว่า

“น่าสังเกตว่า ตามตำรับยาแพทย์แผนไทยที่ใช้รักษามะเร็ง ส่วนใหญ่มักจะเป็นยาที่มีธาตุเมา เช่น ต้นมะคำไก่ และอังกาบ กัญชาเองก็เป็นหนึ่งในยาที่มีธาตุเมา ภายใต้หลักการนำธาตุเมา ไปทำลายพิษของมะเร็ง เพื่อให้มะเร็งฝ่อหรือไม่ขยายวง”.

604827
Today
Yesterday
This Week
Last Week
This Month
Last Month
All days
76
404
2523
599450
4738
11264
604827

โมบายแอปพลิเคชัน

ดาวน์โหลดได้แล้ววันนี้​ 

 

appstore

 

playstore

ติดตาม กรมการแพทย์แผนไทยฯ

ผ่านทางโซเชียลมีเดีย​ได้ที่ 

 

facebook icon youtube icon youtube icon 02

 

en

logo DTAM 2017
กรมการแพทย์แผนไทย
และการแพทย์ทางเลือก
เลขที่ 88/23 หมู่ 4 ถนนติวานนท์ ต.ตลาดขวัญ อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000  

 0-2591-7007 ต่อ 2301  
 0-2149-5647, 063-207-6460